วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รถกระบะบรรทุกกล้วยหอมซิ่งชนท้ายรถพ่วงจอดเสียเจ็บ 2 ราย

รถกระบะบรรทุกกล้วยหอมซิ่งชนท้ายรถพ่วงจอดเสียเจ็บ 2 ราย


รถกระบะบรรทุกกล้วยหอมพุ่งชนท้ายรถพ่วงที่จอดเสียอยู่ข้างทางจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ที่บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุคนขับรถกระบะอ้างมองไม่เห็น 
       
       เมื่อเวลา 01.20 น. วันนี้ (21 ส.ค.) ร.ต.ท.บุรินทร์ ทองก่อ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้รับแจ้งเหตุมีรถกระบะชนท้ายรถพ่วง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพฯ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบช่วยเหลือด้วย หลังได้รับแจ้ง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ เจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครรังสิตอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
       
       ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก หมายเลขทะเบียน ต-1062 กทม.ที่บรรทุกกล้วยหอมมาเต็มคันรถ พุ่งชนกับท้ายรถพ่วงยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 71-0084 สมุทรปราการ ส่วนลูกพ่วงหมายเลขทะเบียน 71-0088 สมุทรปราการ ที่มีนายเมลี พัดเย็น อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ที่ 31 ต.จิกเทิง อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี คนขับที่จอดเสียข้างทางเมื่อช่วงหัวค่ำ ยางและนอตล้อด้านหลังซ้ายหลุด เวลาประมาณ 21.00 น. ที่จอดในช่องทางด่วนด้านซ้าย มุ่งหน้าขาเข้ากรุงเทพฯ ที่ถูกรถกระบะชนเข้าทางด้านหลังขวา กระบะนั้นสภาพพังยับเยิน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คนเป็นชาย 1 หญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพเทศบาลนครรังสิต เร่งนำร่างออกจากตัวรถ และนำส่งโรงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ (ศูนย์รังสิต) ทราบชื่อต่อมาคือ นายอานนท์ คำนวล อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 5 ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี และ น.ส.สุวิมล ทองหล่อ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/3 หมู่ที่ 3 ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี
       
       โดยนายอานนท์คนขับรถให้การว่า ได้ขับรถและบรรทุกกล้วยหอมมาจากย่านอำเภอหนองเสือ มาเต็มคัน เพื่อที่จะไปส่งให้ลูกค้าที่ตลาดมหานาคกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมองไม่เห็นจึงชนเข้าอย่างจัง
       
       ด้านนายเมลี พัดเย็น คนขับรถพ่วงกล่าวว่า ตนเองขับรถมาจากคลองหลวง และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก่อนรถกระบะเข้ามาชน ตนเองจอดเสียอยู่ตั้งแต่ 21.00 น.แล้ว ขณะช่างกำลังถอดล้ออยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโครมมาจากด้านท้ายรถจึงเดินไปดู พบว่ารถกระบะได้วิ่งมาชนท้ายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
       
       อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1 (ศพฐ.1)เข้ามาตรวจสอบภายหลัง เพื่อที่จะได้สอบสวนข้อเท็จจริงว่าใครผิดใครถูกต่อไป

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

'ISUZU' แบบฉบับความประหยัด จัดหนักอีก'คาราวานขับรถ1,312 กม.'

'ISUZU' แบบฉบับความประหยัด จัดหนักอีก'คาราวานขับรถ1,312 กม.'


บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ผู้นำด้านการจัดกิจกรรมการขับรถอย่างประหยัดน้ำมันในรูปแบบต่างๆ ทั้งเส้นทางในประเทศ? เส้นทางระหว่างประเทศ? และเส้นทางในต่างประเทศติดต่อกันมาถึง
เพราะนอกจากการใช้รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ที่มีสมรรถนะความประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังมี“อีซูซุอินไซท์” เทคโนโลยีสุดอัจฉริยะครั้งแรกในวงการรถยนต์เมืองไทยที่มีเฉพาะในอีซูซุเท่านั้นซึ่งช่วยพัฒนาพฤติกรรมการขับขี่ให้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการใช้น้ำมันทุกหยดอย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด

โดยล่าสุดอีซูซุเพิ่มความท้าทายไปอีกขั้นด้วยระยะทางที่ยาวกว่าทุกครั้งไกลที่สุดเท่าที่เคยจัดมานั่นคือคาราวานท่องเที่ยวประหยัดน้ำมัน“อีซูซุอินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู” กระบี่ - ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 1,312 กม.เส้นทางเริ่มต้นที่จังหวัดกระบี่จุดหมายคือสุดปลายแหลมมลายู ณ จัตุรัสหอนาฬิกา เมืองยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งห่างจากประเทศสิงคโปร์เพียงแค่ข้ามสะพานโดยยังคงเอกลักษณ์ของการพิสูจน์ความประหยัดน้ำมันในแบบฉบับของอีซูซุ นั่นคือ ผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริง และรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” รวมทั้งสิ้น 8 คัน ครบรุ่น ครบเครื่องยนต์ ครบทุกระบบขับเคลื่อน ซึ่งรถทุกคันล้วนเป็นรถมาตรฐานโรงงานขับบนเส้นทางจริง เปิดแอร์ตลอดเส้นทาง ด้วยความเร็วเฉลี่ย 80-90 กม./ชม. แบบเดียวกับการขับในชีวิตประจำวัน และจะใช้น้ำมันเพียง 1 ถังเท่านั้น

ซึ่งฝาของถังน้ำมันที่เติมเต็มแล้วจะถูกซีลปิดด้วยสติ๊กเกอร์พิเศษที่มีลายเซ็นจากคณะกรรมการกำกับตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทาง และจะไม่ได้รับการเปิดออกจนกว่าจะถึงที่หมาย โดยมีคณาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ และสื่อมวลชนเป็นสักขีพยาน และร่วมเดินทางตลอดเส้นทางใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 3 วัน ระหว่างวันที่ 26-28 กรกฎาคม 2556 โดยแบ่งออกดังนี้

ช่วงที่ 1 : กระบี่-อาลอร์ เซตาร์ ระยะทาง 521 กม.? เริ่มต้นด้วยการเติมน้ำมันให้เต็ม 1 ถังและ ซีลปิดฝาถังน้ำมันท่ามกลางสักขีพยาน ณ โชว์รูม บริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด สาขากระบี่ ก่อนขบวนจะใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสุราษฎร์ธานี พัทลุง นครศรีธรรมราช? ซึ่งเส้นทางภาคใต้ของไทยนั้นขึ้นชื่อในเรื่องความคดเคี้ยว เป็นทางขึ้น-ลงเขาต่อเนื่อง ก่อนไปพักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านคุณใหญ่ ทุ่งสง
จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลาซึ่งต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัด เพราะบ่ายวันศุกร์เป็นวันที่มีรถเข้า-ออกด่านมากเป็นพิเศษ เพื่อเดินทางสู่เมืองอาลอร์ เซตาร์? เมืองหลวงของรัฐเคดาห์ และฝ่าการจราจรที่หนาแน่นเพราะเป็นช่วงเลิกงาน จนไปจบการเดินทางวันแรกที่โรงแรมฮอลิเดย์ วิลล่า อาลอร์ เซตาร์

โดยคณะกรรมการสักขีพยานได้เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของสติ๊กเกอร์บนจุดต่างๆ ของรถก่อนที่จะใช้สติ๊กเกอร์พิเศษซีลปิดประตู กระจก และเก็บกุญแจรถพร้อมซีลสติกเกอร์ไว้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในรถได้อีกซึ่งในเดินทางวันแรกมามากกว่า 500 กม.แต่พบว่าเข็มน้ำมันของรถ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ทั้ง 8 คันแทบจะไม่กระดิกเลย
ช่วงที่ 2 : อาลอร์ เซตาร์—ปุตราจายา ระยะทาง 470 กม.เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเดินทางสบายๆ ?หลังจากคณะกรรมการสักขีพยาน ตรวจดูความเรียบร้อยและกรีดสติ๊กเกอร์ที่ประตูและกระจก เพื่ออนุญาตให้เหล่านักขับได้เข้าไปประจำที่หลังพวงมาลัยอีกครั้งในเวลาประมาณ 08.00 น.แม้ว่าวันนี้จะใช้เส้นทางไฮเวย์ที่ดูเหมือนจะตัดตรง แต่ก็เป็นทางวิ่งขึ้น-ลงเขา และมีรถเจ้าถิ่นที่ใช้เส้นทางนี้หนาแน่นเป็นบางช่วง รวมทั้งต้องฝ่าการจราจรพลุกพล่านเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันในตัวเมือง

นอกจากนี้ระหว่างทางยังได้แวะที่จุดพักรถหลายต่อหลายช่วงเพื่อผ่อนคลายอิริยาบท ก่อนมุ่งหน้าสู่เมืองปุตราจายา? ศูนย์กลางเมืองราชการแห่งใหม่ของมาเลเซียที่ยิ่งใหญ่อลังการด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยแต่คงไว้ซึ่งศิลปะแบบมาเลเซีย ซึ่งวันนี้จบเดินทางที่โรงแรมแชงกรีล่า ปุตราจายา ซึ่งอยู่กลางใจเมืองตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการตรวจสอบสติกเกอร์ นักขับ และครอบครัวได้เดินทางไปชมสถานที่ต่างๆ อาทิ มัสยิดปุตรา หรือที่รู้จักกันในนาม มัสยิดสีชมพู? รวมถึงตึกรัฐสภาอีกด้วย
ช่วงที่ 3? : ปุตราจายา — ยะโฮร์บาห์รู? ระยะทาง 321 กม.?? ช่วงสุดท้ายของการเดินทางที่เหล่านักขับต่างขับมาด้วยความสบายใจ ด้วยปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่พร่องไปเพียงเล็กน้อยแม้ว่านักขับเกือบทุกคันจะแอบกระซิบว่าใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ตลอดหลายช่วงแล้วก็ตาม ลักษณะการเดินทางในวันนี้จะใกล้เคียงกับวันที่? 2? ด้วยใช้เส้นทางไฮเวย์ผ่านขุนเขามากมาย ก่อนจะตัดเข้าสู่เมืองยะโฮร์บาห์รู เมืองหลวงของรัฐยะโฮร์ เมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างเส้นทางขบวนต้องเผชิญกับปริมาณรถจำนวนมากที่ออกเดินทางในวันอาทิตย์

อย่างไรตามขบวนคาราวานก็เดินทางถึงจุดสิ้นสุด ณ จตุรัสหอนาฬิกา เมืองยะโฮร์บาห์รู ได้ตรงตามกำหนด โดยมีคณะผู้บริหารจากอีซูซุ ได้แก่ มร.ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ?? และคุณปนัดดา? เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด มารอต้อนรับความสำเร็จของคาราวาน “อีซูซุอินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู” กระบี่-ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 1,312 กม.
ซึ่งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสักขีพยานพบว่า รถทั้ง 8 คันมาถึงที่หมายโดยน้ำมัน 1 ถังยังเหลือๆ อีกทั้งไฟเตือนน้ำมันหมดยังไม่ปรากฎให้เห็น ซึ่งตอกย้ำความประหยัดน้ำมันของรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการขับของผู้ขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี “อีซูซุอินไซท์”

มร.ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ เผยว่า แม้ว่าคาราวานประหยัดน้ำมันของอีซูซุ ในปีนี้จะยาวถึง 1,312 กม.ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลสุดเท่าที่อีซูซุเคยจัดมาแต่รถทุกคันมาถึงโดยที่น้ำมันยังเหลือประมาณ 1 ใน 4 ของถัง ซึ่งแสดงว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะ “อีซูซุอินไซท์” หนึ่งเดียวของอีซูซุ ช่วยพัฒนาพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถอีซูซุทั้ง 8 ท่าน ซึ่งเป็นผู้ใช้รถปิกอัพรุ่นใหม่ของเราจริงในชีวิตประจำวัน และเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้น ดังนั้นในปีหน้าผมมั่นใจว่าเราสามารถที่จะเดินทางด้วยน้ำมัน 1 ถังได้ไกลกว่านี้แน่นอน

ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ เจ้าของสมญา “เจ้าหญิงไอที” ที่เดินทางมาสมทบกับขบวนคาราวานครั้งนี้ให้ความเห็นว่า “อีซูซุอินไซท์” เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะปัจจุบันเราควรให้กับสำคัญมากๆ ?เรื่องพลังงาน และการประหยัดน้ำมัน “อีซูซุอินไซท์” นอกจากจะทำให้ผู้ขับขี่ได้อัพเกรดตัวเองไปกับเทคโนโลยีนี้แล้ว? ยังทำให้เราทุกคนได้ใส่ใจกับการประหยัดน้ำมันด้วยค่ะ
จากนั้นเจ้าหน้าที่อีซูซุได้ทำการดึงข้อมูลอินไซท์ของรถทั้ง 8 ?คันเพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ที่ส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันอันน่ามหัศจรรย์ในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การสตาร์ทเครื่องยนต์ การเหยียบคันเร่ง การใช้รอบเครื่องยนต์ การใช้ความเร็ว การเหยียบเบรก การจอดติดเครื่องอยู่กับที่ภาพรวมของคะแนนจะแสดงในรูปแบบของกราฟใยแมงมุม แสดงคะแนนพฤติกรรมการขับขี่ที่สำคัญทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ การใช้ความเร็ว และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การเหยียบคันเร่ง การใช้รอบเดินเบา การใช้เบรก และรอบเครื่องยนต์ซึ่งถ้าผู้ขับขี่สามารถพัฒนาการขับขี่ทั้ง 5 ด้านได้ดีขึ้นจนได้คะแนนอีซูซุอินไซท์เต็ม 100 คะแนนจะช่วยให้สามารถขับได้อย่างประหยัดและปลอดภัยยิ่งขึ้น และหากผู้ใช้รถสามารถนำเทคนิคการขับประหยัดน้ำมันมาใช้เป็นแนวทางขับรถในชีวิตประจำวัน ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยประเทศชาติลดการใช้พลังงานน้ำมันอย่างได้ผลอีกด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแห่งความสำเร็จในคาราวานประหยัดน้ำมันครั้งนี้? อีซูซุได้นำผู้ขับพร้อมครอบครัวข้ามด่านต๊วส (TOUS) ซึ่งอยู่ในเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อไปพักผ่อน และท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์? โดยเข้าพักที่โรงแรมมาริน่า เบย์ แซนด์ส ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งใหม่ในเอเชียที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณริมอ่าวมาริน่า เพลิดเพลินไปกับระเบียงลอยฟ้า "แซนด์ส สกายพาร์ค" (The Sands SkyPark) สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และแหวกว่ายในสระว่ายน้ำไร้ขอบยาว 150 เมตร ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งบนที่สูงที่ใหญ่ที่สุดในโลกบนชั้น 57

นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสิงคโปร์ อาทิ "สิงคโปร์ ฟลายเออร์" (Singapore Flyer) ชิงช้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มองวิวจากด้านบนจะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของสิงคโปร์ และบริเวณศูนย์กลางการค้าย่านมารีน่าได้ทั่วทิศ 360 องศา แวะเวียนไปชมสวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ "Gardens by the Bay" แวะมาถ่ายรูปกับ
"เมอร์ไลออน" (Merlion) สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์? และ "โรงละครเอสพลานาด" (Esplanade) หรือ ตึกทุเรียน ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของประเทศสิงคโปร์ ก่อนปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้งบนถนนออชาร์ต

ผู้ใช้รถอีซูซุตัวจริงที่มาจากหลายหลายอาชีพ สามารถพัฒนาการขับขี่ให้ประหยัดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ? “อีซูซุอินไซท์” ที่ติดตั้งในรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” จนได้เป็นสุดยอดนักขับประหยัดน้ำมันที่มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์การประหยัดน้ำมันบนเส้นทางไกลสุดถึง 1,312 กม. ได้เผยความรู้สึกถึงความภาคภูมิใจ และเทคนิคการขับส่วนตัวไว้

เช่น รถหมายเลข 01 : รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” วี-ครอส 4 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ เกียร์ออโตเมติก ที่แม้จะเป็นรถที่ดูเหมือนขับให้ประหยัดน้ำมันได้ยากที่สุดในรถ

ทั้ง 8 คันนั้น ?แต่ผู้ขับ คุณชนะ แสงโพธิ์แก้ว เจ้าของกิจการค้าส่งในกรุงเทพฯ กลับเป็นคนเดียวที่ทำคะแนน “อีซูซุอินไซท์” ได้ถึง 100 คะแนนเต็ม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 18.29 (กม./ลิตร)

“ผมเป็นลูกค้าอีซูซุมาตั้งแต่รุ่นมังกรทองจนมาถึง “ดีแม็ก” ทำให้ได้รู้จัก “อีซูซุอินไซท์” อย่างจริงจัง ซึ่งช่วยให้เราได้เรียนรู้การใช้รถอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมการขับรถที่จะก่อให้เกิดการสิ้นเปลือง? สำหรับการเดินทางครั้งนี้ยอมรับว่าช่วงแรกยังกังวล เพราะระยะทางไกลกว่าทุกทริป แถมยังเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์ออโตเมติกอีกเลยเกรงว่าจะไปไม่ถึง แต่พอผ่านช่วงแรกดูเกจ์น้ำมันไม่ขยับก็เริ่มใจชื้น พอช่วงที่ 2 ขยับลงมาอีกหน่อยเพราะเป็นทางเขาสูงช่วงยาว แถมยังเจอรถท้องถิ่นที่ใช้ความเร็วสูงเข้ามาแทรกขบวน ทำให้ต้องใช้สมาธิเพื่อควบคุมจังหวะในการควบคุมรถ แต่พอมาถึงจุดหมายปลายทางน้ำมันยังเหลือเกือบขีด คราวนี้โล่งใจ? เราพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่า อีซูซุเป็นรถที่ดีมาก ประหยัดจริง? ซึ่งเทคนิคสำคัญของผมคือ การรักษารอบเครื่อง? ไม่ว่าจะเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์ออโตเมติกก็ใช้ได้คล้ายๆ กัน”

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ISUZU ร่วมผลิตภาพยนตร์เทิดพระเกียรติฯ ชุดใหม่

ISUZU ร่วมผลิตภาพยนตร์เทิดพระเกียรติฯ ชุดใหม่


บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ได้นำหลักแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยให้ยึดถือปฏิบัติ มาจัดสร้างเป็นภาพยนตร์เทิดพระเกียรติฯ เพื่อส่งเสริมความพอเพียงต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 7 โดยภาพยนตร์เทิดพระเกียรติชุดใหม่ ใช้ชื่อว่า “Rhythm & Joy” ที่สื่อถึง “ความพอเพียง” นั้นเป็นคำง่ายๆ ที่ทำให้เมืองไทยน่าอยู่ และนำไปสู่ “ความสุขที่ยั่งยืน” อย่างแท้จริง โดยจะเริ่มฉายในโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกรอบ ทุกโรง ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, อีจีวี, พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์, พาราไดซ์ ซีนีเพล็กซ์ และ เมกา ซีนีเพล็กซ์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคมศกนี้

คุณปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า อีซูซุและเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้จัดสร้างภาพยนตร์เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมเรื่อง “Rhythm & Joy” แล้วทั้งหมด 11 เรื่องติดต่อกัน ในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเสียงตอบรับดีมาก ทั้งจากลูกค้ารถอีซูซุที่มาดูภาพยนตร์ที่เครือเมเจอร์ หรือจากบุคคลทั่วไป บริษัทจึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่แนวคิด “พอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้รู้จักอย่างกว้างขวางผ่านโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซึ่งเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงบุคคลทุกเพศ ทุกวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สืบเนื่องจาก “THE ISUZU SPIRIT” หรือ “วิถีอีซูซุ” “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” ซึ่งเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มอีซูซุมาตลอด 56 ปี อีซูซุจึงเชื่อว่า การพัฒนาตามหลัก “พอเพียง” นั้น คือการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ซึ่งหมายถึงการทำอะไรที่พอเหมาะ พอควร สมดุลกับอัตภาพ และศักยภาพของตนเอง เป็นการสร้างความสุขที่ยั่งยืน

สำหรับภาพยนตร์ชุดใหม่ที่ใช้ชื่อชุดว่า “Rhythm & Joy” จะสะท้อนให้เห็นถึง “ความพอเพียง” ซึ่งเป็นคำง่ายๆ ที่ทำให้เมืองไทยน่าอยู่ยิ่งขึ้น หากทุกคนพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่และเป็นอยู่ โดยไม่คิดช่วงชิงแก่งแย่ง ในทางกลับกัน ควรรู้จักการให้และแบ่งปันให้คนรอบข้าง สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เรามีความสุขได้อย่างแท้จริง
สำหรับรูปแบบการนำเสนอของภาพยนตร์เทิดพระเกียรติฯ ชุด “Rhythm & Joy” ได้เลือกเพลง “เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม” ที่มีจังหวะสนุกสนาน สะท้อนแง่คิดความพอเพียง ซึ่งสอดคล้องกับภาพความน่ารัก ความสดใสของเด็กๆ ที่คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา แต่พอใจที่จะอยู่แบบพอเพียงซึ่งเป็นความสุขที่ยั่งยืน โดยทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยน่าอยู่ โดยบรรยากาศในงานเปิดตัวภาพยนตร์เทิดพระเกียรติ “Rhythm & Joy” เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจของทุกคนที่ได้มีส่วนในการสืบสานแนวทางพระราชดำริของพระองค์ท่าน ซึ่งเริ่มด้วยการขับร้องเพลงประสานเสียง “เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม” โดยคณะนักร้องเยาวชน G Vocal Studio นอกจากนี้ยังมี สมาร์ท-กฤษฎา พรเวโรจน์ และน้ำชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์ ร่วมเป็นตัวแทนถ่ายทอดเรื่องราวความพอเพียง ที่โรงภาพยนตร์อีนิกม่า พารากอนซีนีเพล็กซ์

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

5ทศวรรษ"คิงส์ยนต์" "ISUZU" นครราชสีมา

5ทศวรรษ"คิงส์ยนต์" "ISUZU" นครราชสีมา



รถปิกอัพ "อีซูซุ" ถือว่ายืนยงในตลาดเมืองไทยมายาวนานหลายสิบปี เป็นค่ายปิกอัพล้วนที่ขายดิบขายดีและครองใจคนไทยมาตลอด



ยิ่งในภาคอีสานถือว่าเป็นตลาดใหญ่ โดยหนึ่งในดีลเลอร์ที่ยืนยงมายาวนานคือ "คิงส์ยนต์" ตัวแทนจำหน่ายใน จ.นครราชสีมา มีโชว์รูมตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ 



บริหารโดย "สุวัฒน์ จึงวิวัฒนาภรณ์" เป็นรุ่นที่ 2 รับสืบทอดจากบิดา "นายเหรียญ จึงวิวัฒนาภรณ์" ปัจจุบันมีถึง 7 สาขาทั้งในนครราชสีมาและบุรีรัมย์



ความเป็นมาของคิงส์ยนต์

เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน พ่อทำกิจการขายอะไหล่รถยนต์ ก่อนขยับขยายมาเป็นดีล เลอร์รถอีซูซุ จนปี 2512 ตั้งชื่อ "คิงส์ยนต์" ขึ้นมา หมายถึงราชาแห่งเครื่องยนต์กลไก แต่จริงๆ แล้วพ่อตั้งใจให้ชื่อ "ขิ่งย้ง" หมายถึง "ต้องขยันหมั่นเพียร จึงจะรุ่งเรือง" แต่ออกเสียงยากและคล้ายกับคำว่า "คิงส์ยนต์" จึงตัดสินใจใช้ชื่อนี้มาตั้งแต่นั้น



เติบโตเป็นขั้นเป็นตอน

เราดำเนินธุรกิจมาแล้ว 5 ทศวรรษ พัฒนาความเป็นปึกแผ่นและเติบโตของกิจการขายอะไหล่รถยนต์ ริม ถ.ประจักษ์ ข้างวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร หรือวัดกลาง ตัวเมือง นครราชสีมา จนมาถึงการขยายธุรกิจเข้าสู่การเป็นดีลเลอร์รถปิกอัพอีซูซุ เพราะเป็นรถที่เกษตรกรนิยมจนสามารถขยายได้ถึง 7 สาขาทั้งในโคราชและบุรีรัมย์



จุดเด่นของโชว์รูม

ยกระดับทุกสาขาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเพิ่มจุดบริการลูกค้า ให้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงรถขนาดกลางและขนาดใหญ่ เน้นความร่วมสมัยด้วยเทคโนโลยียานยนต์ ท่ามกลางบุคลากรที่เชี่ยวชาญ มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจในการเป็นเจ้าของ และใช้งานรถยนต์อีซูซุทุกประเภท ให้บริการครบวงจร จนมียอดขายในลำดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



แนวทางการทำตลาด

เน้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย และหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญ ทุกๆ เดือนจะมีแคมเปญพิเศษตั้งแต่ระยะเวลาจองรถไม่นาน หรือรับรถทันที จัดกิจกรรม แรลลี่ครอบครัวไปตามสถานที่ท่องเที่ยว ชื่อดัง หากลูกค้าแนะนำเพื่อนหรือคนใกล้ชิดซื้อรถยนต์อีซูซุ มีสิทธิ์ลุ้นเที่ยวญี่ปุ่น พร้อมเยี่ยมชมโรงงาน



ยอดขายที่ผ่านมา

นอกจากนี้ พี่น้องเกษตรกรไม่ต้องดาวน์ ผ่อนนาน 84 งวด, ดอกเบี้ยต่ำ 1.55% หรือบัตรกำนัลอีซูซุ มูลค่า 2 หมื่นบาท ส่วนบริการ หลังการขายระยะ 5 หมื่นกิโลเมตร ฟรีค่าแรง สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง รวมทั้งอื่นๆ อีก 33 รายการ



ด้วยแคมเปญและบริการที่ดี ทำให้ที่ ผ่านมาคิงส์ยนต์ มียอดขายปีละกว่า 2,000 ล้านบาท

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อีซูซุ ให้น้ำ…เพื่อชีวิต

อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต

มอบน้ำดื่มให้ ร.ร.บ้านแก้วเมธี จ.เลย

อีซูซุมุ่งมั่นสานต่อโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ส่งมอบระบบผลิตน้ำดื่มสะอาดแห่งที่ 3 ให้แก่โรงเรียนบ้านแก้วเมธี จ.เลย
กลุ่มอีซูซุในประเทศไทย โดย นายฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และนายมาโคโตะ คาวาฮาระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ในการจัดสร้างระบบผลิตน้ำดื่มสะอาดแห่งที่ 3 สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลให้แก่ โรงเรียนบ้านแก้วเมธี อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย
นายฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า การมีน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาดและเพียงพอ เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตและสุขภาพ แต่ยังมีอีกหลายชุมชนในพื้นที่ห่างไกลที่ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดในการอุปโภคบริโภค กลุ่มอีซูซุจึงได้ริเริ่มโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ขึ้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการส่งทีมสนับสนุนลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อดำเนินการสำรวจ และวางแผนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
สำหรับโรงเรียนบ้านแก้วเมธี จังหวัดเลย ประสบปัญหาด้านการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากมีสภาพตั้งอยู่บนพื้นที่สูง การสูบน้ำขึ้นมาใช้ในพื้นที่จึงเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ในเบื้องต้นได้มีการแก้ไขปัญหาโดยจัดตั้งกรรมการนักเรียนทำการจัดเก็บเงินจากนักเรียนทุกคนทุกสัปดาห์ เพื่อนำมาซื้อน้ำสะอาดสำหรับการบริโภค กลุ่มอีซูซุเล็งเห็นว่าปัญหานี้ควรได้รับการแก้ไขเป็นการเร่งด่วน จึงได้ส่งทีมเข้าไปร่วมแก้ปัญหาดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วง เพื่อทำการส่งมอบโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” แห่งที่ 3 ให้แก่โรงเรียนบ้านแก้วเมธี นอกจากนี้อีซูซุยังมีส่วนร่วมในการดำเนินการสร้างสนามเด็กเล่นเพื่อส่งเสริมด้านสันทนาการให้แก่น้องๆ พร้อมทั้งปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่โรงเรียนและชุมชนบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
โรงเรียนบ้านแก้วเมธี ตั้งอยู่ใน อ.นาด้วง จ.เลย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2521 ปัจจุบันเปิดการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1-ประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนรวมทั้งสิ้น 123 คน ปัจจุบันแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค ได้แก่ น้ำประปาจากแหล่งขุดเจาะใหม่ที่สร้างขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 ที่ผ่านมา โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ทั้งนี้ยังคงมีปัญหาเรื่องการสูบน้ำมาใช้ ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ และยังไม่มีการติดตั้งระบบกรองน้ำ
ทั้งนี้ อีซูซุได้ทำการสรุปปัญหาและหาแนวทางร่วมกันปฏิบัติเพื่อวางแผนติดตั้งชุดอุปกรณ์ปั๊มน้ำ พร้อมทั้งจัดสร้างศูนย์สาธิตการผลิตน้ำดื่มนักเรียน โดยการสนับสนุนการสร้างโรงเรือน ติดตั้งชุดอุปกรณ์ปั๊มน้ำ พร้อมทั้งจัดสร้างศูนย์สาธิตการผลิตน้ำดื่มนักเรียน โดยติดตั้งระบบกรองน้ำดื่มสะอาดตามมาตรฐานอย่างครบวงจร พร้อมจัดการอบรมเพื่อให้ความรู้ในการบำรุงรักษาดูแลระบบการผลิตน้ำดื่ม พร้อมทั้งแนะนำวิธีการสร้างรายได้ให้กับโรงเรียนในการนำน้ำดื่มสะอาดที่ได้จากระบบบรรจุขวดจำหน่ายให้ชุมชนใกล้เคียงอีกด้วย

โครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มอีซูซุ เพื่อตอกย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ หรือ “วิถีอีซูซุ” นั่นคือ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” อย่างแท้จริง

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คุมตัวผู้ต้องหาลักลอบค้าไม้พะยูง ติดสินบนเจ้าหน้าที่ 2 แสน

คุมตัวผู้ต้องหาลักลอบค้าไม้พะยูง ติดสินบนเจ้าหน้าที่ 2 แสน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง และป่าไม้ ศรีสะเกษ สนธิกำลังจับกุมกุมผู้ต้องหาลักลอบค้าไม้พะยูง มูลค่าห้าล้านบาท พร้อมยาบ้า ยาไอซ์ ผู้ต้องหาต่อรองจ่ายเงิน 2 แสน หวังถูกปล่อยตัว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธ แถมแจ้งข้อหาเพิ่ม...  

วันที่ 21 ก.ค. 56 เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ ภ.จว.ศรีสะเกษ ตำรวจ สภ.กันทรอม อ.ขุนหาญ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ขุนหาญ เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.3 กองกำลังสุรนารี หน่วย ฉก.ทพ.23 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1 และ ศก.3 ร่วมกันตรวจยึดรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บรรทุกไม้พะยูง 22 ท่อน ปริมาตร 1.65 ลบ.ม. ซึ่งเมื่อส่งออกถึงต่างประเทศจะมีราคาถึง 5 ล้านบาท พร้อมรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บต 8208 ศรีสะเกษ

นอกจากนี้ ยังพบยาบ้าวางอยู่บนคอนโซลหน้ารถ 2 เม็ด มีบัตรประจำตัวประชาชนและเอกสารหลายอย่าง ระบุชื่อ นายนิสัน เสนาภักดิ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 18 ต.ห้วยติ๊กชู อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ อยู่ในรถ คาดว่าจะเป็นเจ้าของรถ และจับกุม นางอรทัย มนตรีวงศ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 ม.4 ต.กันทรอม อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายสมปอง ชัยมาตร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 254 ม.19 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พร้อมยาไอซ์ 1 ถุงเล็ก และนายสันติ บุดดาสิม อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 ม.10 ต.ห้วยติ๊กชู อ.ภูสิงห์ พร้อมรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่าและฮอนด้า รวม 2 คัน

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากสายลับว่ามีกลุ่มคนที่ลักลอบทำไม้ กำลังขนไม้พะยูงขึ้นรถ อยู่ที่ด้านหลังบ้านเลขที่ 149 ม.4 ต.กันทรอม ซึ่งเป็นบ้านของนางอรทัย จึงได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น พบรถกระบะโตโยต้า ซึ่งใส่หลังคาเหล็ก ลักษณะเหมือนรถขายสินค้าตามตลาดนัดจอดอยู่ มีชายหลายคนช่วยกันขนไม้พะยูงขึ้นบรรทุกบนรถ และพบรถกระบะอีซูซุจอดอยู่บนถนนหน้าบ้าน ไม่มีคนแสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงเปิดประตูรถตรวจค้นในรถ พบยาบ้า 2 เม็ด วางอยู่ด้านหน้า คนที่ช่วยกันขนไม้พะยูงขึ้นรถเห็นเจ้าหน้าที่ ก็พากันวิ่งหลบหนีหายไปกับความมืด เจ้าหน้าที่จึงเดินตรวจค้นไปทั่วหมู่บ้าน ก็พบนายสันติขี่รถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนวิ่งผ่านมา มีนายสมปองซ้อนท้าย ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจค้น พบกระเป๋าแบบคาดเอวสีน้ำตาลวางอยู่หน้าตักนายสมปอง มีเงินสดฉบับละ 1 พันบาทอยู่เต็มกระเป๋า

จากนั้นนายสมปองได้ส่งเงินให้เจ้าหน้าที่ 2 แสนบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม จึงแจ้งข้อหาให้สินบนเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งข้อหา ก่อนนำตัวมาสอบสวน นายสมปองยอมรับสารภาพว่า ได้มาติดต่อนายนิสันให้หาซื้อไม้พะยูงให้ ซึ่งตนจะนำไปส่งนายทุนชาวลาวอีกทอดหนึ่ง โดยตนนั่งรถกระบะอีซูซุมากับนายนิสัน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ตนก็วิ่งหลบหนีพร้อมกับโทรศัพท์แจ้งให้นายสันติขับรถ จยย.มารับ  กระทั่งถูกจับกุมได้

ส่วนนายนิสันวิ่งหนีไปทางไหนไม่ทราบ เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปที่บ้านของนายนิสัน ใน อ.ภูสิงห์ แต่ไม่พบตัว แต่พบไม้พะยูงซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง จึงตรวจยึดไว้ หลังตรวจสอบของกลางและสอบปากคำในเบื้องต้นแล้ว จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พ.ต.ท.สมภพ ทองพันชั่ง พงส.ผู้ชำนาญการ สภ.กันทรอม ดำเนินคดี และจะได้ขออำนาจศาลออกหมายจับนายนิสัน เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ฆ่าโหดชิงรถ เชือดคอแม่-ลูก 5 ขวบ ตายอืด3วัน


คนร้ายสุดโหดบุกเชือดคอฆ่าสาวหม่ายเจ้าของร้านดอกไม้ และ ลูกชายวัย 5 ขวบ เสียชีวิตภายในบ้านพักเมืองโคราช คาดตายมาแล้ว 2-3 วันจนศพขึ้นอืด ตร.คาดคนร้ายหวังชิงทรัพย์ เหตุรถกระบะ และ มือถือ ผู้ตายหายไป

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 21 ก.ค. มีรายงานว่า ร.ต.อ.สมยศ นาชิน พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับพร้อมเดินทางทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.อัทธชนม์ ช่วงงาม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง พ.ต.ท.ปริญญา พรเดชาพิพัฒ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.นิพนธ์ การุณย์เลิศ สว.สส. พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.มหาราชนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพสฐ.3 และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ฮุก 31

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดียวชั้นเดียวเลขที่ 1596/3 มิตรภาพ ซอย 19 ถ.มิตรภาพ ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา จากการตรวจสอบภายในบ้านพบมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นแม่ลูกกัน ศพแรกพบที่บริเวณห้องโถงคือ ด.ช.ราชภูมิ ขุดโพธิ์ อายุ 5 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง สภาพศพนอนหงายอยู่ที่พื้น สวมชุดนอนลายการ์ตูน โดยที่มีผ้าสีแดงวางปิดหน้าอยู่ครึ่งหนึ่งมีบาดแผลถูกปาดที่คอเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลนองพื้น ส่วนอีกศพอยู่ภายในห้องแต่งตัวเก็บเสื้อผ้า อยู่ติดกับห้องนอน ที่ประตูห้องเปิดไว้ ตรวจสอบพบศพ นางเนตรชนก หรือ กำไล มะลิป่า อายุ 34 ปี เจ้าของบ้านนอนหงายเสียชีวิตอยู่ข้างโต๊ะรีดผ้า สภาพศพสวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงผ้ายืดสีดำมีบาดแผลถูกปาดด้วยของมีคมที่คอเป็นแผลฉกรรจ์เช่นกัน สภาพศพเริ่มขึ้นอืดแล้ว แพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วัน
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นางเนตรชนก เป็นแม่หม้ายเลิกรากับ นายสมโภชน์ ขุดโพธิ์ อายุ 30 ปี อดีตสามีมากว่า 4 ปีแล้ว โดยพักอยู่กับลูกชายเพียง 2 คน ประกอบอาชีพร้านขายดอกไม้ต้นไม้ ชื่อร้านกำไล อยู่ที่ตลาดขายดอกไม้ประดับ ต.โคกกรวด ตรวจสอบภายในบ้านมีลักษณะของการรื้อค้น และพบว่ารถกระบะอีซูซุ ดีแม็กสีบอร์นเงิน 4 ประตู หมายเลขทะเบียน กบ 8528 นครราชสีมา ซึ่งผู้ตายใช้เป็นประจำได้หายไปรวมทั้งโทรศัพท์ไอโฟนของผู้ตายด้วย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อ ไปยังนายสมโภชน์ อดีตสามี จากการสอบถาม นายสมโภชน์ ให้การว่า กำลังเดินทางที่จะมารับตัวลูกชายกลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านต่างจังหวัด เนื่องจากว่าถ้ามีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ที่ผ่านมาไม่ค่อยทราบเรื่องของอดีตภรรยาว่ามีปัญหา หรือมีเรื่องทะเลาะกับใครหรือไม่
ทางด้านของ พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุนั้นน่าจะหวังทรัพย์สินเนื่องจาก พบว่ารถกระบะของผู้ตายหายไป ส่วนจากการตรวจสอบสภาพศพของทั้ง 2 คนแม่ลูกนั้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วันโดยพบว่าศพของนางเนตรชนกสภาพเริ่มขึ้นอืด เนื่องจากอยู่ในห้องเก็บเสื้อผ้า ส่วนศพของ ด.ช.ราชภูมิ นั้นสาเหตุที่สภาพศพยังไม่ขึ้นอืดคาดว่า น่าจะมาจากศพอยู่ที่พื้นห้องโถง หน้าประตูห้องนอนซึ่งเปิดประตูไว้ และภายในห้องยังเปิดแอร์อยู่ จึงทำให้ศพได้รับอากาศที่เย็นส่วนทรัพย์สินอื่นๆนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามี อะไรหายไปบ้าง เนื่องจากจะต้องติดต่อให้ญาติมาตรวจสอบก่อน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบมีดปลายแหลม แบบทำครัว ยาวประมาณ 1 ฟุต มีคราบเลือดติดอยู่ วางอยู่ที่บริเวณอ่างล้างจาน ภายในห้องครัวจึงได้เก็บไว้เพื่อจะได้นำไปตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงซึ่งตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร และสาเหตุมาจากเรื่องใดขณะนี้ได้สั่งกำชับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวและรถกระบะของผู้ตายที่หายไป เพื่อจะได้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ISUZU ไทยแลนด์มาสเตอร์'สนาม4แตก รับ'มิว-เซเว่น ชอยส์' 1.3 ล.

ISUZU ไทยแลนด์มาสเตอร์'สนาม4แตก รับ'มิว-เซเว่น ชอยส์' 1.3 ล.




ศึกดวลวงสะวิง "อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์2013" การแข่งขันกอล์ฟอเมเจอร์ยอดนิยมระดับประเทศ รอบคัดเลือกสนามที่ 4 ที่สนาม เรดเมาน์เท่น กอล์ฟ คลับ จ.ภูเก็ต 



ผ่านมากว่าครึ่งทาง สำหรับ "อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์ 2013" สู่รอบคัดเลือกสนามที่ 4 ที่เรดเมาน์เท่นกอล์ฟคลับ สนามกอล์ฟระดับ 5 ดาว ที่ใครๆ อยากมาสัมผัส แม้การแข่งขันวันนี้ ฝนกลับไม่เป็นใจ ทำให้นักกอล์ฟตีไม่ครบทุกหลุม แต่ทุกคนก็สนุกสนานกันถ้วนหน้า



อย่างไรก็ตามหลังสายฝนโปรยปรายมาช่วงท้ายก่อนทุกคนจะเล่นครบ 18 หลุม ปรากฏว่า "ปกิต ประพฤติงาม" นักกอล์ฟมือสมัครเล่นจากหาดใหญ่ ทำโฮลอินวันได้สำเร็จเป็นครั้งแรกคนแรกที่หลุม 17 รับรางวัลรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ "อีซูซุ มิว-เซเว่น ชอยส์" มูลค่า 1,345,000 บาท ไปครองทันที นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ของการแข่งขันกอล์ฟ "อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์" เลยทีเดียว





ที่สำคัญพ่องาน วิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เป็นผู้มอบรางวัลยิ่งใหญ่ครั้งนี้ให้กับผู้ทำโฮลอินวัน รวมถึงนักกอล์ฟฝีมือดีอีก 10 คน ซึ่งได้รับสิทธิ์เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามอมตะสปริงคันทรีคลับ เพื่อลุ้นรับแพ็กเกจไปเล่นกอล์ฟที่ประเทศเวียดนามปลายปีนี้





สำหรับรายชื่อนักกอล์ฟฝีมือดีที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย มีดังนี้ Best Score ชนา จริตงาม 36-41=77(6)71 ไฟลต์เอ ชนะเลิศ บุญทบ ล้านทอง 38-41=79 (9)70 รองชนะเลิศ อันดับ 1 ไพบูลย์ เรืองฤทธิ์ 41-38=79(9)70 รองชนะเลิศ อันดับ 2 เอื้อน ส่งสุข 38-41 =79(9)70 



ไฟลต์บี ชนะเลิศ วิทยา แสวงทรัพย์ 39-43=82(13)69 รองชนะเลิศ อันดับ 1 ธนพล เกื้อกูล 41-43=84(15)69 รองชนะเลิศ อันดับ 2 จรุง เถาจันทร์ 43-42=85(15)70 



ไฟลต์ซี ชนะเลิศ เอกชัย เจริญพิพัฒน์ผล 44-46=90(19)71 รองชนะเลิศ อันดับ 1 ทินกร พรสมบัติเสถียร 46-45=91(19)72 รองชนะเลิศ อันดับ 2 ประเวทย์ ติยะพาณิชกุล 48-42=90(19)71



การแข่งขันกอล์ฟรายการ "อีซูซุไทยแลนด์มาสเตอร์ 2013" ยังเหลือแข่งขันรอบคัดเลือกอีกสนามเดียว ที่สนามกรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ จ.กาญจนบุรี วันที่ 19 ส.ค.นี้ สนใจโทร.0-2966-2121 ต่างจังหวัดโทร.ฟรีที่ 1-800-251-318

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จับยาบ้า4แสนไอซ์5โล รายใหญ่สุดจ.ชุมพร เครือข่ายคุกบางขวาง

Pic_361385
ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดภูธรจังหวัดชุมพร จับกุมขบวนการค้ายาบ้ารายใหญ่ที่สุดของจังหวัดชุมพร ได้ของกลางยาบ้ากว่า 4 แสนเม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม สอบสวนขยายผลพบเป็นเครือข่ายนักโทษคุกบางขวาง...

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ส.ค.56 ที่ห้องประชุมภูธรจังหวัดชุมพร พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบช.ภ.8 พ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร และตำรวจชุดจับกุมนำโดย พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ พ่วงพิศ ผกก.กก.สส.ภ.จ.ชุมพร ร.ต.อ.ณัฐชัย พิณวานิช สว.ธร.สภ.ปะทิว หน.ชุด ชป.ปส.ภ.จ.ชุมพร ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายประกิต หรือ จอย เกตุทองคำ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/1 หมู่ 2 ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และนายสุรชัย หรือ เหนก วิชัยดิษฐ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/3 หมู่ 8 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 203 มัด รวม 406,000 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 5 กิโลกรัม อาวุธปืน ขนาด 9 มม. 1 กระบอก และขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก เงินสด จำนวน 9 แสนบาท รถยนต์ 3 คัน ประกอบด้วย รถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว สภาพใหม่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก สี่ประตู สีขาว ทะเบียน กง4482 ชุมพร รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีเขียว ทะเบียน บร 2753 สุราษฎร์ธานี และรถจักรยานยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง สลิปโอนเงินซื้อขายยาเสพติด จำนวน 11 ใบ สุดเงินฝากธนาคาร จำนวน 2 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 3 ใบ

พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 เปิดเผยถึงการจับกุมว่า จากการสืบทราบของตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จ.ชุมพร ว่า นายสุรชัย หรือ เหนก วิชัยดิษฐ อายุ 41 ปี และนายประกิต หรือ จอย เกตุทองคำ อายุ 29 ปี เป็นแก๊งค้ายาบ้ารายใหญ่ในจังหวัดชุมพร ที่ตำรวจเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมอยู่นาน ซึ่งต่อมาในวันที่ 2 ส.ค.56 ที่ผ่านมา ตำรวจได้ทำการติดต่อทางโทรศัพท์ล่อซื้อยาบ้าจากนางสาวอิน ไม่ทราบนามสกุล จำนวน 1 มัด ในราคา 165,000 บาท โดยโอนเงินมัดจำผ่านทางธนาคารกสิกรไทย ซึ่งต่อมา นายสุรชัย ได้ติดต่อโทรศัพท์กลับมาว่าได้ให้นายประกิต นำยาบ้าจำนวน 1 มัด หรือ 2 พันเม็ด ไปวางไว้ที่โคนเสาป้ายคลองวิสัย อ.สวี จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนเข้าจับกุมนายประกิตได้ ก่อนจะขยายผลไปจับกุมนายสุรชัย ได้ในเวลาต่อมาที่บ้านเลขที่ 96/3 หมู่ 1 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร พร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปตรวจค้นบ้านปูนชั้นเดียวไม่มีเลขที่ในสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ที่ 12 ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านที่ผู้ต้องหาทั้งสองใช้เป็นที่เก็บซ่อนยาเสพติด

จากการสอบสวนนายสุรชัย ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากนายณรงค์ศักดิ์ หรือ ดำ หรือขาว กลางณรงค์ ซึ่งต้องโทษคดียาเสพติด อยู่ในเรือนจำบางขวาง น้องชายของนายธนาวุฒิ หรือ นิติกร หรือ ปาน กลางณรงค์ ผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีหมายศาล จ.ชุมพร คดียาเสพติด-อาวุธปืน และวัตถุระเบิด อยู่ในขณะนี้ และเป็นญาติกันกับตน ให้จัดหาที่พักยาเสพติด โดยให้นายประกิตเป็นผู้ควบคุมดูแล พร้อมกับนำยาเสพติดไปวางตามจุดนัดหมายต่างๆ ที่ลูกค้าสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ก่อนจะมาถูกจับได้ในที่สุด

พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 เปิดเผยอีกว่า การจับกุมยาบ้าในครั้งนี้ถือเป็นรายใหญ่ที่สุดในจังหวัดชุมพรตั้งแต่จับกุมมา หากยาบ้าและยาไอซ์ทั้งหมดส่งถึงมือลูกค้า จะเป็นจำนวนเงินถึงกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะได้สอบสวนขยายผลถึงต้นตอใหญ่ต่อไป.

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โครงการ ISUZU Marketing Brains Challenge 2013 ค้นหานักสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดรุ่นใหม่

โครงการ ISUZU Marketing Brains Challenge 2013 ค้นหานักสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดรุ่นใหม่

อีซูซุเปิดเวทีค้นหานักสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดรุ่นใหม่ที่แม่นทั้งเชิงรุกและเชิงรับกับโครงการประกวดแผนการตลาด
ISUZU Marketing Brains Challenge 2013
ชิงทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท
ภายใต้แนวคิด “การสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ ISUZU เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
ISUZU Pickup’s Triple-X Project for Young Generation
การสร้างแผนการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ให้กับรถปกอัพอีซูซุ ซึ่งให้คุณค่าครบทุกด้าน โดยให้เกิดความต้องการเป็นเจ้าของรถด้วยปัจจัย ดังนี้

X-cellent Pickup : ความเชื่อมั่นในคุณภาพและสมรรถนะของรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์”
X-cellent After-sales Service : ความสบายใจไร้กังวลกับระบบบริการหลังการขายอีซูซุอันทรงประสิทธิภาพ
X-cellent Finance : ความมั่นใจว่าจะได้รับบริการไฟแนนซ์ที่ดีเยี่ยมจากอีซูซุลิสซิ่ง

วันนี้ -  30 กันยายน 2556
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่  บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
โทร. 02-966-2121 หรือ www.facebook.com/isuzuimbcproject

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อีซูซุ อินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู

อีซูซุ อินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู

กระบี่-อาลอร์เซตาร์-ปุตราจายา-ยะโฮร์บาห์รู


ต่อจากเมื่อวานนี้ คาราวานท่องเที่ยวประหยัดน้ำมัน “อีซูซุ อินไซท์ น้ำมันถังเดียว เที่ยวสุดแหลมมลายู” กระบี่-ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 1,312 กม. เดินทางมาถึงจุดหมาย
เจ้าหน้าที่อีซูซุทำการดึงข้อมูลอินไซท์ของรถทั้ง 8 คัน เพื่อนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ที่ส่งผลต่อการประหยัดน้ำมันอันน่ามหัศจรรย์ในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การสตาร์ทเครื่องยนต์ การเหยียบคันเร่ง การใช้รอบเครื่องยนต์ การใช้ความเร็ว การเหยียบเบรก การจอดติดเครื่องอยู่กับที่ ภาพรวมของคะแนนจะแสดงในรูปแบบของกราฟใยแมงมุม แสดงคะแนนพฤติกรรมการขับขี่ที่สำคัญทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ การใช้ความเร็วและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง การเหยียบคันเร่ง การใช้รอบเดินเบา การใช้เบรก และรอบเครื่องยนต์ ซึ่งถ้าผู้ขับขี่สามารถพัฒนาการขับขี่ทั้ง 5 ด้านได้ดีขึ้นจนได้คะแนนอีซูซุ อินไซท์ เต็ม 100 คะแนน จะช่วยให้สามารถขับได้อย่างประหยัดและปลอดภัยยิ่งขึ้น และหากผู้ใช้รถสามารถนำเทคนิคการขับประหยัดน้ำมันมาใช้เป็นแนวทางขับรถในชีวิตประจำวัน ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยประเทศชาติลดการใช้พลังงานน้ำมันอย่างได้ผลอีกด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแห่งความสำเร็จในคาราวานประหยัดน้ำมันครั้งนี้ ISUZU ได้นำผู้ขับพร้อมครอบครัวข้ามด่านต๊วส (TOUS) ซึ่งอยู่ในเมืองยะโฮร์บาห์รู เพื่อไปพักผ่อนและท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ โดยเข้าพักที่โรงแรมมาริน่า เบย์ แซนด์ส ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งใหม่ในเอเชีย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณริมอ่าวมาริน่า เพลิดเพลินไปกับระเบียงลอยฟ้า “แซนด์ส สกายพาร์ค” สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และแหวกว่ายในสระว่ายน้ำไร้ขอบยาว 150 เมตร เป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งบนที่สูงที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนชั้น 57 นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสิงคโปร์ อาทิ “สิงคโปร์ ฟลายเออร์” ชิงช้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มองวิวจากด้านบนจะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของสิงคโปร์ และบริเวณศูนย์กลางการค้าย่านมารีน่าได้ทั่วทิศ 360 องศา ไปชมสวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ “Gardens by the Bay” แวะมาถ่ายรูปกับ “เมอร์ไลออน” สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ และ “โรงละครเอสพลานาด” หรือ ตึกทุเรียน ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของประเทศสิงคโปร์ ก่อนปิดท้ายด้วยการช็อปปิ้งบนถนนออชาร์ต

ผู้ใช้ isuzu d-max ตัวจริง 8 ท่านมาจากหลายหลายอาชีพ สามารถพัฒนาการขับขี่ให้ประหยัดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ “อีซูซุ อินไซท์” ที่ติดตั้งในรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” จนได้เป็นสุดยอดนักขับประหยัดน้ำมัน ได้เข้ามาร่วมสร้างประวัติศาสตร์การประหยัดน้ำมันบนเส้นทางไกลสุดถึง 1,312 กม. เปิดเผยความรู้สึกถึงความภาคภูมิใจและเทคนิคการขับส่วนตัวไว้ดังนี้
รถหมายเลข 01 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” วี-ครอส 4 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ เกียร์ออโตเมติก ที่แม้จะเป็นรถที่ดูเหมือนขับให้ประหยัดน้ำมันได้ยากที่สุดนั้น แต่ผู้ขับ คุณชนะ แสงโพธิ์แก้ว เจ้าของกิจการค้าส่ง กลับเป็นคนเดียวที่ทำคะแนนอินไซท์ได้ถึง 100 คะแนนเต็ม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 18.29 (กม./ลิตร)
“ผมเป็นลูกค้าอีซูซุมาตั้งแต่รุ่นมังกรทองจนมาถึง “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” ทำให้ได้รู้จัก “อีซูซุ อินไซท์” อย่างจริงจัง ซึ่งช่วยให้ได้เรียนรู้การใช้รถอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้มีพฤติกรรมการขับรถอันจะก่อให้เกิดการสิ้นเปลือง สำหรับการเดินทางครั้งนี้ยอมรับว่าช่วงแรกยังกังวล เพราะระยะทางไกลกว่าทุกทริป แถมยังเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ออโตเมติกอีกเลยเกรงว่าจะไปไม่ถึง แต่ผ่านช่วงแรกดูเกจ์น้ำมันไม่ขยับก็เริ่มใจชื้น พอช่วงที่ 2 ขยับลงมาอีกหน่อยเพราะเป็นทางเขาสูงช่วงยาว แถมยังเจอรถท้องถิ่นที่ใช้ความเร็วสูงเข้ามาแทรกขบวน ทำให้ต้องใช้สมาธิเพื่อควบคุมจังหวะในการควบคุมรถ แต่พอมาถึงจุดหมายปลายทางน้ำมันยังเหลือเกือบขีด คราวนี้โล่งใจ พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่า อีซูซุเป็นรถที่ดีมาก ประหยัดจริง ซึ่งเทคนิคสำคัญของผมคือ การรักษารอบเครื่อง ไม่ว่าจะเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์ออโตเมติกก็ใช้ได้คล้ายๆ กัน”
รถหมายเลข 02 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ เกียร์ออโตเมติก ขับโดย คุณวิชัย โฆษิตานนท์ เจ้าของกิจการจำหน่ายเครื่องมือทางการเกษตร ทำคะแนน “อีซูซุ อินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.92 (กม./ลิตร)
“ผมเพิ่งได้รู้จัก “อีซูซุ อินไซท์” จากการที่นำรถ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” ของผมเข้าศูนย์บริการ แล้วเจ้าหน้าที่ดูดข้อมูลออกมา ผมได้ครั้งแรก 73 คะแนน ต่อมาก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมอีซูซุไดรวิ่งคลับทำให้รู้เทคนิคการขับประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ในชีวิตประจำวันผมใช้ความเร็ว 90 กม./ชม. เพราะเห็นชัดว่าช่วยให้ประหยัดจริง โดยเฉพาะขับมาถึงยะโฮร์บาห์รู น้ำมันรถผมยังเหลืออีก 1 ช่อง ทั้งๆ ที่ทางด่วนที่มาเลเซียรถเยอะ ทางขึ้นเขาก็เยอะ เห็นความประหยัดน้ำมันแบบนี้ผมมั่นใจมากครับว่า ถ้าปล่อยให้ผมขับอย่างนี้ไปเรื่อยๆ วิ่งแบบรักษาความเร็วคงที่สามารถขับได้ไกลถึง 1,800 กม. ได้แน่นอนครับ”
รถหมายเลข 03 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู 2500 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ เกียร์ออโตเมติก ขับโดย คุณรุ่งโรจน์ เฟื่องห้อย เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้าง ทำคะแนน “อีซูซุ อินไซท์” ได้ 92 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 18.62 (กม./ลิตร)
“ปกติผมใช้รถอีซูซุเกียร์ธรรมดา พอมาขับเกียร์ออโตเมติก แม้จะสบายแต่ก็กลัวว่าจะใช้น้ำมันเยอะ หรือคะแนนอินไซท์ไม่ดี โดยเฉพาะวิ่งกันเป็นคาราวาน ใช้ความเร็ว 90-100 กม./ชม. หรือบางทีก็ 100 กว่า เจอทั้งฝน ทั้งเขา รถเจ้าถิ่นที่มาแทรกขบวน มาถึงแหลมมลายูได้โดยที่น้ำมันยังเหลืออีกเยอะ สุดยอดมากครับเรื่องความประหยัดน้ำมัน เดิมทีผมไม่ใช่คนที่ได้คะแนนอินไซท์ดีที่สุด แม้จะทำเรื่องประหยัดน้ำมันได้ดี แต่ผมมีจุดอ่อนตรงที่ใช้รอบเครื่องไม่สัมพันธ์กับรอบเกียร์ และมีปัญหาเรื่องเบรก ซึ่ง “อีซูซุ อินไซท์” วิเคราะห์ออกมาได้ตรงจุด พอแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ก็สามารถทำคะแนนได้ดีขึ้น ประหยัดขึ้น เรื่องความเร็วไม่ใช่ปัญหา เพราะคนที่ใช้รถอีซูซุจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ถ้าขับ 90-100 กม./ชม รับรองว่าประหยัดแน่นอน หรือถ้าเกิน 100 ก็กินน้ำมันไม่เยอะครับ”
รถหมายเลข 04 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” วี-ครอส 2 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณสิทธิพันธ์ สุขโก เจ้าของกิจการขายวัสดุก่อสร้าง ทำคะแนน “อีซูซุ อินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 18.23 (กม./ลิตร)
“ผมเคยร่วมกิจกรรมคาราวานประหยัดน้ำมันของอีซูซุเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้ยอมรับว่าไกลกว่าเดิมมาก แม้จะมั่นใจแต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ แถมระหว่างทางยังเจอฝน ทางขึ้น-ลงเขายาวต่อเนื่อง การขับ 1,312 กม.มาถึงยะโฮร์บาห์รูได้สำเร็จก็ต้องยอมรับในเรื่องสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันของอีซูซุ ขนาดรถเข้าโค้งมากๆ ก็ยังขับได้นิ่ง เกาะถนนดีมาก แม้หลายช่วงจะต้องเร่งใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. โดยเฉพาะช่วงขึ้นเขาก็ยังคงความประหยัดเหมือนเดิม และคงต้องบอกว่า “อีซูซุ อินไซท์” เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะจริงๆ เพราะใบรายงานผลของอินไซท์จะบอกหมดว่าเรามีจุดอ่อนในเรื่องใด ถ้านำไปพัฒนาอย่างจริงจังก็จะช่วยให้การขับขี่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นได้จริง ความประหยัดน้ำมันของอีซูซุครั้งนี้ยิ่งทำให้ผมประทับใจมาก พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วครับ”
รถหมายเลข 05 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู 3000 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณธรรมนูญ ประเสริฐวัฒนากร เจ้าของกิจการผลิตถุงพลาสติก ทำคะแนน “อีซูซุ อินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.33 (กม./ลิตร)
“ผมเพิ่งเปลี่ยนมาใช้อีซูซุได้เดือนกว่าๆ เองครับ ใช้ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” รุ่นไฮแลนเดอร์ 4 ประตู ซึ่งใกล้เคียงกับรถรุ่น 2 ประตูที่ผมขับในคาราวานนี้ ซึ่งจากที่ใช้ในชีวิตจริงทำให้มั่นใจในอัตราการประหยัดน้ำมันของอีซูซุอยู่แล้ว ยิ่งตอนได้ผลวิเคราะห์ข้อมูลอินไซท์ครั้งแรกมา ผมได้ 100 คะแนนเต็ม ทำให้รู้ว่าพฤติกรรมการขับของผมเหมาะสมอยู่แล้ว เพราะขับมานี่ผมก็ใช้วิธีการขับแบบที่ใช้อยู่ในชีวิตจริง แค่รักษารอบเครื่องให้ดี อย่าลากรอบสูง อย่าเบรกกะทันหัน แม้ว่าความเร็วที่ผมใช้จะค่อนข้างสูง นอกจาก 90-100 กม./ชม. แล้ว บางช่วงก็สูงถึง 120-130 กม/ชม. ซึ่งความสำเร็จของการเดินทางมาถึง 1,312 กม. โดยน้ำมัน 1 ถังยังไม่หมด นับเป็นความประหยัดแตกต่างจากยี่ห้ออื่น หากถามเคล็ดลับของผม ก็ง่ายๆ เลยครับ ทุกคนทำได้ แค่เลือกใช้อีซูซุ”
รถหมายเลข 06 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” ไฮแลนเดอร์ 2 ประตู 2500 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณอาคม มหิธิธรรมธร เจ้าของกิจการรับซ่อมจักรยานยนต์ ทำคะแนน “อีซูซุ อินไซท์” ได้ 92 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.38 (กม./ลิตร)
“ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้อีซูซุมานานแล้วครับ ไม่ได้ใช้แค่ปิกอัพ แต่มีสิบล้อด้วย ยิ่งจับฉลากได้ขับรถรุ่นเดียวกับที่ใช้อยู่ยิ่งดีใจ เพราะเรื่องประหยัดน้ำมันของอีซูซุต้องบอกว่าไม่ได้โม้ พิสูจน์กันมาแล้ว แต่คราวนี้ผมได้ 92 คะแนน คงเพราะเกร็ง (หัวเราะ) ตอนนี้รถ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” ของผมที่ใช้อยู่ก็วิ่งมาได้ 30,000-40,000 กม.แล้ว เวลาดูดข้อมูลอินไซท์มาก็ได้คะแนนดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ส่วนใหญ่ผมจะพลาดเรื่องคันเร่ง เพราะชอบเผลอเท้าหนัก พอมาปรับปรุงตามคำแนะนำ โดยเหยียบคันเร่งเบาๆ ขับแบบใจเย็นๆ ใช้ความเร็ว 90-100 กม./ชม. แบบที่ใช้วิ่งในคาราวานครั้งนี้ เรียกได้ว่ากำลังดี ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันสุดๆ อย่างที่เห็น เทคนิคสำคัญอีกอย่างคือ ใช้ความเร็วกับเกียร์ต้องสัมพันธ์กัน ความเร็วสูงใช้เกียร์สูง ความเร็วต่ำใช้เกียร์ต่ำ หากขับด้วยความเร็วคงที่จะช่วยได้เยอะ”
รถหมายเลข 07 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” สเปซเค็บ 2500 ดีดีไอ วีจีเอส เทอร์โบ ขับโดย คุณศุภลักษณ์ คุณล้าน อาจารย์โรงเรียนเอกชน นักขับหญิงหนึ่งเดียวในคาราวาน ที่ทำคะแนนอินไซท์ได้ถึง 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.12 (กม./ลิตร)
“เป็นครั้งแรกที่ขับรถเที่ยวไกลที่สุดในชีวิต และสนุกที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกประชาคมอีซูซุที่ทำให้กิจกรรมคาราวานประหยัดน้ำมันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากเทคโนโลยี “อีซูซุ อินไซท์” ที่ทำหน้าที่เป็นตัวบันทึกพฤติกรรมการขับขี่และแนะนำแนวทางที่ส่งผลไปถึงอัตราการประหยัดน้ำมัน โดยเฉพาะช่วงแรกเราเป็นรถคันเดียวที่เข็มน้ำมันแทบไม่ลงเลยแม้แต่ขีดเดียว ก็ตกใจว่ามันปกติหรือเปล่า หรือมีอะไรผิดพลาด พอถึงจุดหมายปลายทางน้ำมันรถก็ยังเหลือประมาณ 45% น่าประทับใจในความประหยัดน้ำมันมาก แม้ว่าระหว่างทางจะเจอปัญหารถเจ้าถิ่นแทรกขบวนมาตลอด รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ทางด่วนร่วมกับรถยนต์ คนสัญจรไปมาช่วงเข้าเมือง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายสามารถขับรถได้ดีและประหยัดน้ำมันได้เท่าเทียมกัน หลักง่ายๆ คือ เปลี่ยนเกียร์ให้เข้ากับจังหวะเครื่องยนต์และความเร็วค่ะ”
รถหมายเลข 08 รถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุ ดีแมคซ์” สปาร์ค 2500 ดีดีไอ ขับโดย คุณอุดม ทรงศรีสวัสดิ์ เจ้าของกิจการค้าส่ง ทำคะแนน “อีซูซุ อินไซท์” ได้ 96 คะแนน อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 19.31 (กม./ลิตร)
“ผมมั่นใจในอีซูซุมากครับ เพราะผมเคยไปร่วมคาราวานขับประหยัดน้ำมันกับอีซูซุ เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหินมาแล้ว และทำคะแนนอินไซท์ได้เต็ม 100 แต่ครั้งนี้จะเป็นเส้นทางต่างประเทศ ทำให้กลัวอะไรหลายๆ อย่าง เส้นทางก็ไม่ชิน ขับวันแรกเลยค่อนข้างเกร็ง แต่มา 2 วันหลังเริ่มขับสบายๆ เพราะจริงๆ ก็เหมือนกับการขับในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว ซึ่งผลที่ได้ในครั้งนี้ต้องยอมรับว่า อีซูซุประหยัดน้ำมันจริงๆ และผมว่า “อีซูซุ อินไซท์” เป็นเทคโนโลยีที่ได้ผล ถ้าเราเอาคำแนะนำไปพัฒนาวิธีการขับขี่ และทำให้เป็นกิจวัตร ไม่เพียงช่วยประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่ยังได้ความปลอดภัยตามมาด้วย”

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อีซูซุ ส่งปิกอัพ “All-new Isuzu D-Max” ในงานมหกรรม “FAST Auto Show Thailand 2013”

อีซูซุ ส่งปิกอัพ “All-new Isuzu D-Max” ในงานมหกรรม “FAST Auto Show Thailand 2013”

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ในงานมหกรรม “FAST AUTO SHOW THAILAND 2013” สร้างความคึกคักด้วยบรรยากาศแนวสปอร์ตเรซซิ่ง นำ “All-new Isuzu D-Max Full Race” จากสนามแข่ง “NITTO 3K ISUZU FULL RACE 2013” พร้อมรถปิกอัพสปอร์ตยอดนิยม “All-new Isuzu D-Max X-Series” ด้วยชุดแต่งพิเศษมาตรฐานโรงงานมาให้เลือกเป็นเจ้าของ

ในงานมหกรรม FAST AUTO SHOW THAILAND 2013  อีซูซุ นำเสนอรถปิกอัพ “All-new Isuzu D-Max” รถแข่งแต่งครบเครื่อง “All-new Isuzu D-Max Full Race” จากสนามแข่ง “NITTO 3K ISUZU FULL RACE 2013” และ “All-new Isuzu D-Max X-Series Speed” สีดำโหลดพิเศษที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน หรือ “All-new Isuzu D-Max X-Series Hi-Lander” ทั้งแบบ 4 ประตู และ 2 ประตู ที่มาพร้อมชุดแต่งพิเศษมาตรฐานโรงงาน
และยังมีแคมเปญ อีซูซุอินไซท์ : ยิ่งขับดี … ยิ่งมีโชค เทคโนโลยีที่ช่วยพัฒนาการขับขี่ให้ดีขึ้นจริง ลุ้นรับรถ ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส, iPad Mini และของรางวัลอื่นๆ รวมของรางวัลทั้งสิ้น 11,721 รางวัล มูลค่า 5,011,000 บาท สำหรับผู้ใช้รถอีซูซุ อีกด้วย

เลือกรถอีซูซุคันที่ชอบ  ถอยรถอีซูซุคันที่ใช่ พร้อมเงื่อนไขพิเศษให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นตลอด 5 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 17 -21 กรกฎาคม 2556 ณ ฮอลล์ 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อีซูซุ พาสมาชิกอิ่มบุญ สุขใจใน “อีซูซุ คาราวานสัญจร”

อีซูซุ พาสมาชิกอิ่มบุญ สุขใจใน “อีซูซุ คาราวานสัญจร” เส้นทางที่ 3 จากกาฬสินธุ์ สู่บึงกาฬ

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัด “อีซูซุคาราวานสัญจร” เส้นทางที่ 3 นำเหล่าสมาชิกประชาคมอีซูซุรวม 28 คัน เยือนแดนดินถิ่นอีสานจากกาฬสินธุ์สู่บึงกาฬ พร้อมสัมผัสแหล่งท่องเที่ยววิถีพุทธ นมัสการพระมงคลชัยสิทธิ์ โรจนฤทธิ์ประสิทธิ์พร ณ วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) สุขใจกับการบริจาคอุปกรณ์การเรียนแก่น้องๆ โรงเรียนบ้านจานวิทยา และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้าฝีมือดีจากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม 1 ใน 7 โครงการของศูนย์ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

“อีซูซุ คาราวานสัญจร” เส้นทางที่ 3 เริ่มต้นการเดินทางในวันฟ้าใสจากจังหวัดกาฬสินธุ์ (เมืองน้ำดำ) ณ หจก.เฮียบหงวนมิลเลอร์ โอกาสนี้ได้รับเกียรติจากคุณสันชัย จันทร์นวล ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์, คุณสุดารัตน์ นนท์อำมาตย์ ตัวแทน ททท. สำนักงานขอนแก่น และ มร. เอ็ม. โคโนะ ผู้จัดการฝ่ายขายดีลเลอร์ บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมตีธงปล่อยขบวนคาราวาน เพื่อมุ่งหน้าสู่ที่หมายแรก ณ วัดพระพุทธนิมิต (ภูค่าว) วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาภูค่าว ภายในวัดมีโบสถ์ที่ตกแต่งสวยงามและวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวนมาก ได้แก่ พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว พระนอนสลักบนแผ่นผา ซึ่งมีลักษณะแปลกจากพระนอนทั่วไป คือ ไสยาสน์ตะแคงซ้ายไม่มีเกตุมาลา ตำนานว่าเป็นลักษณะของพระโมคคัลลานะ พระสาวกองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า โบสถ์ไม้ที่ซึ่งประดิษฐานพระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิ์ประสิทธิ์พร พระประธานปางตรัสรู้หรือปางสมาธิ เป็นอาคารไม้ทรงไทยตั้งบนฐานลวดบัวปูนปั้น หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้น มีชายคาปีกนกทั้งสี่ด้าน หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปพระพุทธเจ้าประทับในป่าทึบแวดล้อมด้วยสิงสาราสัตว์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักเรื่องพุทธชาดก และมีการประดับไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาทั่วโบสถ์ ภายในโบสถ์ บริเวณโดมเพดานเหนือองค์พระตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ รวมถึงการเข้าชม พระมหาธาตุเจดีย์พุทธนิมิต สถานที่ที่ใช้สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุจำนวนมาก เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้บูชากราบไหว้ ภายในองค์เจดีย์เป็นโถงขนาดใหญ่ประดับด้วยภาพแกะสลัก พระพุทธรูปศิลาและพระพุทธรูปนับร้อยองค์ ส่วนใจกลางห้องโถงเป็นมณฑปสร้างด้วยไม้โลงเลงจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งถือเป็นไม้หอมศักดิ์สิทธิ์ที่หายากของโลก

หลังจากอิ่มบุญ ขบวนคาราวานก็ได้ร่วมอิ่มใจด้วยการบริจาคอุปกรณ์การเรียนแก่เหล่านักเรียนโรงเรียนบ้านจานวิทยา โดยมีอาจารย์แสงจันทร์ ม่วงจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ให้การต้อนรับ พร้อมการแสดงพิเศษจากน้องๆ ในชุดรำภูไทอันอ้อนช้อยสวยงาม จากนั้นคณะคาราวานก็ออกเดินทางต่อเพื่อรับประทานอาหารกลางวันริมเขื่อนน้ำอูน เขื่อนดินที่นอกจากสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้แล้ว บรรยากาศโดยรอบยังเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่โดยรอบรายล้อมด้วยเทือกเขาภูพานและป่าไม้ที่สวยงาม โดยเมนูทุกชนิดเลือกสรรมาเพื่อชาวประชาคมอีซูซุ อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการ และที่พลาดไม่ได้คือเมนูปลาน้ำจืด เพราะเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่

ช่วงบ่าย ขบวนคาราวานออกเดินทางต่อไปยังศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม จังหวัดสกลนคร 1 ใน 7 ของศูนย์ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2526 เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการฝึกงานศิลปาชีพประเภทต่างๆ ปัจจุบันศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขามมีสินค้าอยู่มากมายหลายชนิด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เซรามิก ซึ่งถือได้ว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อ โดยเฉพาะเซรามิกดินลายเอกลักษณ์ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม เพราะมีสีสันและลวดลายแปลกตาแตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นอื่นๆ ซึ่งเหล่าประชาคมอีซูซุ ก็ได้อุดหนุนสินค้ากันไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว เมื่อช้อปปิ้งกันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางจังหวัดบึงกาฬ เพื่อเข้าพัก ณ โรงแรมเดอะวัน โรงแรมใหม่เอี่ยมที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเที่ยวจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย

ปิดท้ายความสุขด้วยปาร์ตี้มื้อค่ำที่สุดพิเศษ และคึกคักตามแบบฉบับของ ISUZU เพราะงานนี้อีซูซุจัดเต็มชุดใหญ่ ทั้งเกมและของรางวัลมากมาย และยิ่งดึกความสนุกยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่ออีซูซุเปิดตัวศิลปินรับเชิญด้วยหนุ่มมาดหล่อ “เคลลี่ ธนะพัฒน์” มาร่วมร้องเพลงและเล่นเกมอย่างสนุกสนานกับเหล่าสมาชิกอีซูซุ ท่ามกลางรอยยิ้มทั่วทั้งงาน นอกจากนี้ ยังมีการมอบโชคให้กับผู้ร่วมคาราวานทุกคันอีกด้วย

โจ๋กรุงเก่าซิ่งจยย.ยิงอริในรถกระบะเจ็บ 2 สาหัส 1

Pic_356981
โจ๋กรุงเก่าซิ่งจยย.กราดยิงอรินั่งในรถกระบะสนั่นเมือง เจ็บ 2 สาหัส 1 หลังมีเรื่องชกต่อย ตร.รู้เบาะแสพวกก่อเหตุแล้ว กำลังตามจับกุมดำเนินคดี...

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 13 ก.ค. พ.ต.ต. วัลลภ เมืองลอย พนักงานสอบสวนสภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณอู่ซ่อมรถ หน้าโรงเรียนพณิชยการอยุธยา ถนนอู่ทอง ต.ประตูชัย อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงไปตรวจสอบพบกองเลือดที่พื้นและรองเท้าจำนวน 2 คู่ ส่วนคนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 ราย ทราบชื่อนายอนุรักษ์ โกสี อายุ 28 ปี ถูกยิงที่กลางหลัง กระสุนทะลุถูกแขนขวา นายริก สมิท อายุ 21 ปี ถูกยิงที่ศีรษะ อาการสาหัส และเยาวชนชายอายุ 18 ปี ถูกยิงที่หน้าท้อง 1 นัด จากการตรวจสอบรถยนต์กระบะยี่ห้อ ISUZU D-MAX สี่ประตู สีดำ ทะเบียบ กธ 4301 พระนครศรีอยุธยา ซึ่งผู้บาดเจ็บได้โดยสารมา มีร่องรอยถูกยิงกระจกหลัง 1 รู ท้ายรถ 1 รู ด้านข้างรถด้านขวา 1 รู หลังกระบะยังพบหัวกระสุน ไม่ทราบขนาด จำนวน 2 หัว 

พ.ต.ต.วัลลภ กล่าวว่า ได้สอบพยานในที่เกิดเหตุทราบว่า กลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 11 คน มีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกับวัยรุ่นคู่อริ จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์กระบะกลับบ้าน ระหว่างนั้นได้มีวัยรุ่นชาย 2 คน ใส่หมวกกันน็อกขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ 125 สีเลือดหมู ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขี่ตามหลังใช้ปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นในรถกระบะจนมีผู้บาดเจ็บ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพอรู้เบาะแสกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุแล้ว โดยจะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป.

2หนุ่มร้อง'ผบก.ชลบุรี' ตร.ภ.2ยิงมั่ว-นิสิตดับ ปส.แถลงผลงาน2คดี

2 หนุ่มที่อยู่ในรถฮอนด้า ซีวิค ที่ถูกตำรวจ ศพส.ภ. 2 ยิงถล่ม จน นศ.สาว ม.บูรพาเสียชีวิตคารถ ควงทนายเข้าพบตำรวจแล้ว ยืนยันไม่เคยเกี่ยวข้องยาเสพติดและไม่เคยมีปืน

แฉวันเกิดเหตุตำรวจ 2 นายขับรถมาปาดหน้าแล้วระดมยิงใส่จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ผบก.ภ.จ.ชลบุรี รับปากให้ความเป็นธรรม ให้สอบปากคำไว้แล้วปล่อยตัวไป รอรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วน ปส.นำของกลางคดีวิสามัญฯแก๊งยานรกกลางกรุงมาแถลงข่าว ทั้งเงินสด 2.3 ล้านบาท ยาบ้า 1.3 แสนเม็ด ปืน และหลักฐานเส้นทางการส่งยานรก อีกคดี ปส. ประสานตำรวจเนเธอร์แลนด์จับสาร “ซาฟรอล” เป็นสารตั้งต้นผลิตยาอีรายใหญ่ 12,078 กก. ใช้ผลิตยาอีได้ 2 ล้านเม็ด พร้อม 5 ผู้ต้องหา เป็นคนไทย 3 คน พม่า 1 คน และชาวจีนอีก 1 คน

กรณีตำรวจ บก.สกัดกั้นและลำเลียงยาเสพติด บช.ปส.ปะทะเดือดขบวนการค้ายานรก เครือข่าย พ.ท.ยี่เซ บริเวณเลียบคลองผดุงกรุงเกษมใกล้แยกเทวกรรม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย หลังคนร้ายขับรถ ISUZU  MU-7 สีขาว ทะเบียน ค-7586 นครนายก เข้ามารับกล่องพัสดุที่ซุกซ่อนยาบ้า 148,000 เม็ด ยาไอซ์ 8 กก.ที่บริษัทนิ่มซีเส็ง ขนส่ง 1988 จำกัด เมื่อเที่ยงวันที่ 30 ก.ค. ผลปรากฏว่านายวริศนนท์ เริงกมล อายุ 32 ปี คนร้ายถูกยิงเสียชีวิต และนายพิเชษฐ์ ดอกไม้พุ่ม อายุ 37 ปีเพื่อนร่วมแก๊งได้รับบาดเจ็บ โดยภายในรถยังพบลูกชายวัยแค่ 3 เดือนของนายวริศน์นนท์ ที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์จากห่ากระสุนที่ยิงต่อสู้กันอยู่ภายในรถ นอกจากนี้ยังมี น.ส.สมฤดี หรือกิฟต์ วนะวนานต์ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 คณะศิลปศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร ถูกลูกหลงที่แก้มซ้ายได้รับบาดเจ็บ  แพทย์รักษาจนพ้นขีดอันตรายแล้ว

ความคืบหน้าจาก บช.ปส. เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 ส.ค. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รรท.ผบก.สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บช.ปส. และ พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบก.ปส.1บช.ปส. นำของกลางยาบ้า 1.4 แสนเม็ด ยาไอซ์ 650 กรัม อาวุธปืน 3 กระบอก และอุปกรณ์จำนวนหนึ่ง กระสุนชนิดต่างๆ 600 นัด ตู้เชฟ 5 ตู้ และทองรูปพรรณจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดตรวจค้นได้จากที่พักหลายแห่งที่นายวริศน์นนท์ผู้ต้องหาที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมเช่าไว้มาแถลงข่าว

พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ บก.สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บช.ปส.นำโดย พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านเช่าของนายวริศน์นนท์ เริงกมล เลขที่ 99/346 หมู่บ้านศุภาลัย ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบว่าเป็นสถานที่นำยาเสพติดที่ลำเลียงใส่ตู้ลำโพงมาจากภาคเหนือ ถ่ายออก แล้วใช้เครื่องจักรกลหนัก ตัดผ่ามอเตอร์ไฟฟ้าออกให้มีช่องว่างตรงกลางนำยาเสพติดใส่เข้าไปแล้วประกอบเข้าไปใหม่ จากนั้นนำมอร์เตอร์ไฟฟ้าส่งต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้เช่น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.ภูเก็ต และ จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านบริษัทรับขนส่งสินค้า ตรวจพบใบเสร็จค่าฝากส่งจำนวนมากตั้งแต่ปี 2555 ถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่มาก มีขั้นตอนลำเลียงยาเสพติดที่ยากต่อการสืบสวน ใช้ระบบขนส่งสินค้าเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังพบของกลางได้แก่ บันทึกหมายเลขบัญชีธนาคารที่ใช้โอนเงินหลายบัญชี ปืนลูกซองยาว 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน ปืนยาวขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน ตู้เซฟ 2 ใบ ยังไม่ได้เปิด เครื่องคอมพิวเตอร์พีซี 1 เครื่อง ตู้ลำโพง 20 ตู้ มอเตอร์ไฟฟ้า 10 ตัว ปั๊มน้ำ 4 ตัว รถฮอนด้า แจ๊ส สีแดง ทะเบียน ฆจ 6269 กรุงเทพมหานคร

พล.ต.ท.ชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กำลังอีกส่วนหนึ่ง ไปตรวจค้นห้องของนายวริศนนท์ เริงกมล ที่คอนโดมิเนียมชื่อนนทรีพาร์ควิว เลขที่ 88/33 หมู่ 3 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และห้องพักอื่นที่ได้เช่าไว้รวม 4 ห้อง ผลการตรวจค้นพบยาบ้า 137,340 เม็ด ยาไอซ์ประมาณ 640 กรัม เงินสด 2,300,000 บาท สร้อยคอทองคำ 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น ปืนยาว 3 กระบอก ปืนสั้น 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดต่างๆ 460 นัด ตู้เซฟ 2 ใบที่ยังเปิดไม่ได้ ตู้เซฟเปล่าจำนวน 2 ใบ เปิดทิ้งไว้ รถยนต์ 1 คัน รถยนต์กระบะ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน บันทึกหมายเลขบัญชีธนาคารที่ใช้ในการโอนเงินหลายบัญชี เคมีภัณฑ์สำหรับผลิตยาบ้า 5 รายการ
อีกคดี พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. แถลงข่าว พล.ต.ต.ไชยา รุจจนเวช ผบก.บก.ปส.1 บช.ปส. ร่วมกับตำรวจเนเธอร์แลนด์จับกุมนายวิวัฒน์ ยังถาวรตระกูล อายุ 58 ปี สัญชาติไทย นายธนชัย รุ่งนภาเวทย์ อายุ 66 ปี สัญชาติไทย นายศิวกร บรรจงลิขิต อายุ 52 ปี สัญชาติไทย น.ส.เช้า ซอ อายุ 47 ปี สัญชาติพม่า และนายยิบ ฮอน ฮง อายุ 52 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาบุคคลข้อหาร่วมกันมีและส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 4 (ซาฟรอล) เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อัตราโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท หากมีน้ำหนักตั้งแต่ 10 กิโลกรัมขึ้นไปต้องระวางโทษจำคุก 1 ปีถึง 15 ปี และปรับ 1 แสนบาทถึง 1.5 ล้านบาท สำนักงาน ป.ป.ส.ได้อนุมัติให้จับกุมฐานความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.ชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า เมื่อต้นปี 2556 บช.ปส. กรมสอบสวนคดีพิเศษ และตำรวจประเทศเนเธอร์แลนด์ ร่วมกันสืบสวนขบวนการลักลอบส่งสารตั้งต้นประเภทน้ำมันหอมระเหย หรือซาฟรอล (Salfrole oil) ที่ใช้ผลิตยาเสพติดประเภทยาอี หรือ Ecstacy จำนวนมากไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ การสืบสวนพบว่า ขบวนการดังกล่าวลักลอบส่งสารซาฟรอลที่บรรจุในภาชนะชนิดเดียวกับน้ำมันพืชเพื่ออำพรางรวมไปในตู้สินค้า ปลายทางคือ เมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีผู้ต้องหาทั้ง 5 คนเกี่ยวข้อง จึงประสานความร่วมมือกับตำรวจประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ตำรวจเนเธอร์แลนด์ตรวจค้นและยึดสารตั้งต้น (ซาฟรอล) ได้ 671 ถัง น้ำหนักประมาณ 12,078 กก. บรรจุรวมอยู่กับน้ำมันพืชยี่ห้อโอลีนในตู้คอนเทนเนอร์ หากไม่ถูกตรวจพบและยึดไว้ได้ จะถูกนำไปใช้ผลิตเป็นยาเสพติด (ยาอี) ส่งจำหน่ายทั่วโลก ส่วนหนึ่งจะส่งกลับมาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย สำหรับซาฟรอลที่ยึดได้ทั้งหมดนำไปผลิตเป็นยาอีได้ประมาณ 2 ล้านเม็ด

ส่วนคดีตำรวจศูนย์ต่อสู้ป้องกันเพื่อเอาชนะยาเสพติดภาค 2 (ศพส.ภ.2) ไล่ยิงถล่มรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค  ขณะเข้าจับกุมยาเสพติดจนเกิดยิงต่อสู้กันเป็นเหตุให้ น.ส.สุนิสา หรือนุ่น ดอกเดื่อ อายุ 23 ปี นิสิตคณะรัฐศาสตร์ ปี  2  มหาวิทยาลัยบูรพา ถูกกระสุนยิงเสียชีวิตคารถ ส่วนนายสันติสุข ยินดีสุข อายุ 28 ปี แฟนของผู้ตายและเป็นคนขับกับเพื่อนในรถอีกคนหลบหนีไปได้  ต่อมา  ส.ต.อ.สุริยันต์  นิลมาตร์ กับ ส.ต.อ.วัฒนา หนูน้อย สังกัดศูนย์ ศพส.ภ.2 เข้ามอบตัวที่  สภ.เสม็ด  ยืนยันเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าจับกุมยาเสพติด  แต่ถูกคนในรถยิงใส่แล้วพยายามหลบหนี

ความคืบหน้าเวลา  14.30  น. วันที่ 1 ส.ค. ทนายส่วนตัวได้พานายสันติสุข ยินดีสุข อายุ 28 ปี อยู่เลขที่ 160/136 หมู่บ้านเมืองใหม่วิลล่า ซอย  6 หมู่ 3 ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี คนขับรถยนต์ฮอนด้าคันเกิดเหตุ และนายอารักษ์ หาญนที อายุ 31 ปี เพื่อนอีกคนอยู่ในรถเกิดเหตุและหลบหนีไป  เข้าพบ  พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์  ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมให้การว่า วันเกิดเหตุขับรถพร้อมนายอารักษ์ไปรับ  น.ส.สุนิสา ดอกเดื่อ  ผู้ตาย ที่หอพักเพื่อจะไปงานศพญาติ  กระทั่งผ่านหน้าร้านติ่งคาราโอเกะจุดเกิดเหตุ  น.ส.สุนิสาบอกให้จอดข้างทางอ้างว่าจะมีเพื่อนมาหา 

นายสันติสุขกล่าวอีกว่า  พอจอดรถชิดทางเท้ามีรถกระบะสีดำขับมาจอดปาดหน้า และมีชาย 2 คนเปิดประตูลงมาพร้อมชักปืนจ่อมาที่รถแล้วยิงใส่ทันที  ตนตกใจเลยเข้าเกียร์ถอยหลังไปชนรถกระบะของชาวบ้านที่จอดอยู่ด้านหลัง  ขณะกำลังขับรถหนี น.ส.สุนิสาฟุบมาทางตน  ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า  น.ส.สุนิสาถูกยิง  แต่ตกใจมากพยายามขับรถหนีตายอย่างเดียว โดยชายฉกรรจ์ 2 คนยังขับรถกระบะตามไล่ยิงตลอดทาง  จนมาถึงซอยเจเจมินิมาร์ทรถวิ่งต่อไม่ได้เนื่องจากยางล้อหน้าแตกทั้ง  2  ล้อ และล้อหลังซ้ายอีก  1  ล้อ จึงเปิดประตูรถวิ่งหนีไปเรียก  จยย.รับจ้างไปส่งลงที่ตึกคอม  ถนนสุขุมวิท หมู่  1  ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี ก่อนขึ้นรถตู้เข้ากรุงเทพฯทันที และมารู้จากข่าวทีหลังว่า  น.ส.สุนิสาถูกยิงเสียชีวิต “ผมขอยืนยันว่าผมกับเพื่อนไม่มีปืนและไม่ได้ขายยา” นายสันติสุขกล่าว

ต่อมา พล.ต.ต.คัชชาแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า นายสันติสุขกับนายอารักษ์เข้าพบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ  ปฏิเสธข้อกล่าวหาขายยาเสพติด  และยิงปืนใส่ตำรวจก่อน ไม่ใช่เป็นการมอบตัว  จึงแนะนำให้ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ตนกำชับพนักงานสอบสวน  สภ.เสม็ด ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จากนั้นทนายความได้พาทั้ง  2 ไปพบพนักงานสอบสวน  สภ.เสม็ด โดย พ.ต.อ.กิตติพัฒน์ พงษ์พนัส ผกก.สภ.เสม็ด ได้เชิญทั้ง  3  เข้าไปพูดคุยในห้องทำงาน  ก่อนส่งตัวให้  พ.ต.ท.ตรีเพชร ชลชีวศรานนท์ พงส.ผนพ. สอบปากคำ

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ตรีเพชร เปิดเผยว่า ทั้ง 2 คน มาพบในฐานะพยานให้ถ้อยคำถึงเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุและปฏิเสธกรณีที่ตำรวจกล่าวหาว่าขายยาเสพติดและใช้ปืนยิงก่อน จึงยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไร หลังให้ถ้อยคำเสร็จจึงให้กลับบ้าน เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน หากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จ ปรากฏว่าทั้ง 2 คนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่อซื้อยาเสพติดตามที่ตำรวจกล่าวหาจะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวอีกครั้ง

สายวันเดียวกัน นายคมสัน เอกชัย ผวจ.ชลบุรี พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี แถลงข่าวตำรวจ สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จับกุมนายไพโรจน์ หรือบอย พานเรือง อายุ 33 ปี อยู่เลขที่ 38/2 หมู่ 1 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายจีรวัฒน์ หรือทอป ประทุมธง อายุ 26 ปี นายธวัชชัย ศรีแก้ว อายุ 24 ปี นายสังวาล หรือหน่อย คล้ายแจ้ง อายุ 37 ปี นายธนศักดิ์ หรือแดง จันทร์ผักมะดัน อายุ 28 ปี และนายคมสันต์ หรือโจ้ งามสันเทียะ อายุ 24 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 135,519 เม็ดและยาไอซ์ 23.30 กรัม

พล.ต.ต.คัชชากล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นเครือข่ายที่มาจากเรือนจำแห่งหนึ่งและเป็นผลงานของตำรวจสายตรวจนำโดย ร.ต.อ.ฐานุวัฒน์ โฆษิตดิษฐวัฒน์ รอง สวป.สภ.หนองขาม ที่เฝ้าจับตาดูนายไพโรจน์ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจนจับกุมตัวได้ ค้นบ้านได้ของกลางจำนวนมาก หลังแถลงข่าวเสร็จ พ.ต.อ.คมสันต์ โยธคล ผกก.สภ.หนองขาม พร้อมกำลังคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดกลับไปดำเนินคดีที่ สภ.หนองขามต่อไป

ISUZU ระเบิดความแรง ใน “ISUZU Race Spirit” ตอกย้ำกระแสมอเตอร์สปอร์ต

ISUZU ระเบิดความแรง ใน ISUZU Race Spirit” ตอกย้ำกระแสมอเตอร์สปอร์ต

อีซูซุเอาใจแฟนดีแมคซ์ด้วยการจัดงาน “Isuzu Race Spirit ครั้งที่ 2” มหกรรมระเบิดความมัน ด้วยการรวมพลผู้ใช้รถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์” ทุกรุ่น! พร้อมอัดแน่นทุกกิจกรรมแรงสุดขีด…จี๊ดสุดขั้วในแบบฉบับของอีซูซุ ณ สนามเทพนคร มอเตอร์สปอร์ต คอมเพล็คซ์ (พระราม 2)

คุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “อีซูซุจึงได้จัดกิจกรรม “Isuzu Race Spirit” ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ณ สนามเทพนคร มอเตอร์สปอร์ต คอมเพล็คซ์ โดยเน้นความสนุกตื่นเต้น เร้าใจในโซนกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชิญ คุณบอย – ขจรศักดิ์ ณ สงขลา นักแข่งรถชื่อดัง มาร่วมโชว์การดริฟท์ (Drift) พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งรถ (Drag) ด้วยตัวเอง งานครั้งนี้ยังได้เพิ่มพื้นที่การประกวดแต่งรถปิกอัพอีซูซุในคอนเซ็ปสปอร์ ตยกสูง และสตรีทเรซซิ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ชื่นชอบการแต่งรถได้เข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างเต็ม ที่ พร้อมระดมกิจกรรมความสนุกตื่นเต้นในตามแบบฉบับของชาวมอเตอร์สปอร์ตมาไว้ใน งานครั้งนี้อย่างจุใจ และนอกจากนี้อีซูซุยังได้มีแผนเตรียมจัดงานในรูปแบบนี้อีกเรื่อยๆ ในระดับภูมิภาค จึงฝากชวนให้แฟนๆ อีซูซุได้ติดตามกิจกรรม Isuzu Race Spirit ในครั้งหน้าด้วยครับ”

กิจกรรม “Isuzu Race Spirit” ครั้งนี้ได้รับการตอบรับอันดียิ่งจากกลุ่มผู้ใช้ ISUZU D-MAXเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มลงทะเบียนรับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยความสนุกเร้าใจเริ่มต้นจากการสาธิตเทคนิคการ Drift และ Donut จากคุณบอย – ขจรศักดิ์ ณ สงขลา นักแข่งรถชื่อดังของเมืองไทย และคุณพีท – สุวัฒน์ จากทีมยุทธหัตถี อีซูซุสุพรรณ ต่อด้วยการประชันพลังเสียงจากรถปิกอัพ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” พร้อมชุดแต่งเครื่องเสียงสุดอลังการ กับเลดี้ดีเจ โดยครั้งนี้อีซูซุได้เพิ่มพื้นที่การประกวดแต่งรถปิกอัพอีซูซุในคอน เซ็ปสปอร์ตยกสูง และสตรีทเรซซิ่ง เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ชื่นชอบการแต่งรถได้เข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ และสุดยอดโชว์จากสุดยอดปิกอัพดีเซลสี่สูบ “ออล-นิว อีซูซุดีแมคซ์” เจ้าของสถิติเพียง 8 วินาที ของ “โน้ต แอนด์ นัท ออโต้คาร์” ที่ผ่านการโมดิฟายด์โดย “ช่างเบิร์ด หลัก 5” สร้างปรากฎการณ์หยุดทุกสายตาให้จับจ้องเป็นตาเดียวทั่วทั้งสนาม โดยในช่วงบ่าย – ค่ำ เป็นการแข่งขันแดร็กรถปิกอัพอีซูซุในรุ่นต่างๆ สรุปผลการแข่งขัน กิจกรรมต่างๆ ในงาน “Isuzu Race Spirit” ครั้งที่ 2 ณ สนามเทพนคร มอเตอร์สปอร์ต คอมเพล็คซ์ ดังนี้

- การประกวดแต่งรถ ประเภท สปอร์ตยกสูง
ชนะเลิศ : คุณจตุพล ตันตระอำไพ
รองชนะเลิศอันดับ 1 : คุณคงชาณ เอกธนวรกุล
รองชนะเลิศอันดับ 2 : คุณนคร แร่อรุณ
- การประกวดแต่งรถ ประเภท สตรีทเรซซิ่ง
ชนะเลิศ : คุณสัมฤทธิ์ อู่ทรงธรรม
รองชนะเลิศอันดับ 1 : คุณนุกูล ทองขาว
รองชนะเลิศอันดับ 2 : คุณปัญจพร ใจบุญ
- การแข่งขัน Bracket 15 Sec.
ชนะเลิศ : คุณอิทธิพัทธ์ โชติอริยกิตติ
รองชนะเลิศอันดับ 1 : คุณวสันต์ พลหิรัญ
รองชนะเลิศอันดับ 2 : คุณมงคล กันวรรณะ
- การแข่งขันรุ่น Turbo Standard Radial
ชนะเลิศ : คุณณัฐชยา บุญศรี
รองชนะเลิศอันดับ 1 : คุณอำพล ปิ่นทับทิม
รองชนะเลิศอันดับ 2 : คุณชวลิต ชวนกมล
- การแข่งขันรุ่น Turbo Standard Radial Pro
ชนะเลิศ : คุณสุริยันต์ สวนสกุล
รองชนะเลิศอันดับ 1 : คุณณัฐชยา บุญศรี
รองชนะเลิศอันดับ 2 : คุณปริชญ์ ลี้เลิศพันธ์ชัย
- การแข่งขันรุ่น Open
ชนะเลิศ : คุณธณพล ชูเจริญผล
รองชนะเลิศอันดับ 1 : คุณประสาน ลี้เลิศพันธ์ชัย
รองชนะเลิศอันดับ 2 : คุณอภิชัย บุตรอ่ำ